**คำเตือน** เนื้อหาอาจมีสปอยประมาณ 1-5 %จากเนื้อหาเกมทั้งหมด เป็นชื่อและเรื่องราวคร่าวๆของตัวละคร
ถ้าจะพูดถึงเกมกระแสHot hit รุนแรงระดับ 10 สั่นสะเทือนไปทั้งวงการ Ps4 ณ ช่วงเวลานี้ ก็คงไม่พ้นโล้นซ่าล่าล้างเทพอย่าง God of War หรือที่เรียกกันติดปากว่า God of War 4 แน่นอน เพราะอะไรนั่นหรือ? ก็ทั้งยอดขายถล่มทลายและทั้งเสียงลือเสียงเล่าอ้างปากต่อปากของเกมเมอร์ทั้งหลายไม่ว่าจะสายเสพหรือสายฮาร์ดคอร์ รวมไปถึงการได้เข้าไปสัมผัสโลกใบดังกล่าวด้วยตัวเองแล้วนั้น ไม่ผิดแน่นอนถ้าจะเอ่ยถึงเกมนี้ขึ้นมา
ในภาคนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องของครอบครัวใหม่ของ ซึ่งหลังจากฮาราคิรีตัวเองในภาค3แล้วดันอึด ถึก ทน รอดตายมาได้ พี่แกก็ออกเดินทางไปสู่ดินแดนแห่งใหม่เพื่อละทิ้งอดีตตัวเองจนมากินอยู่กับทองกวาวและให้กำเนิดบุตรชาย 1 คนถ้วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นปุ่มStart เกมก็ไม่ได้เริ่มเรื่องให้เราแบบโลกสวยขนาดนั้นเพราะพี่แกเปิดมาด้วยการเตรียมเผาศพเมียตัวเอง (มีเมียกี่คนก็ตายเรียบยกเว้นเมียข้างทางในภาคเก่าๆ) หลังจากจุดไฟแล้วพี่โล้นของเราก็ไม่รอช้าที่จะทดสอบความสามารถของลูกชาย Artreus ในการเอาตัวรอดในโลกอันแสนโหดร้ายเพราะทั้งคู่ต้องเดินทางไปโปรยอัฐิของ Faye เมียและแม่ผู้เป็นที่รัก
ซึ่งระหว่างทาง Kratos รู้ดีว่ามันจะไม่ง่ายเลยเพราะต้องเจอสัตว์ร้ายต่างๆในป่าที่พร้อมเข้ามาทำมิดีไม่ร้ายทั้งคู่ ทำไปทำมาด้วยความเป็นเด็กนั้นก็ทำให้หนุ่มน้อยไปไม่รอดแถมยังโดนพ่อดุอีกต่างหาก (ก็เด็กตัวแค่นั้นพ่อจะเอาไรมาก) ทำให้ทั้งคู่ต้องกลับมาตั้งหลักที่บ้านกันก่อน ไม่ทันจะได้พักหายใจดี เหตุการณ์ที่ทำให้เส้นทางชีวิตที่เหลือของทั้งคู่นั้นบิดเบี้ยวไปโดยสิ้นเชิง เพราะจู่ๆก็มีชายแปลกหน้ามีลายเต็มตัวมาเคาะประตูหน้าบ้าน แล้วก็มีเรื่องกับ Kratos รุนแรงถึงขั้นแตกหัก (แตกหักจริงๆไม่เชื่อไปดูเอาเอง) ผู้เป็นพ่อรับรู้ได้ทันทีว่าศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดนี้ปรากฏตัวย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่และอีกหลายครั้งจะตามมา Kratos จึงตัดสินใจพา Artreus ออกเดินทางจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปโปรยอัฐิบนจุดที่สูงที่สุดของอาณาจักรทั้ง 9 ตามคำขอสุดท้ายของ Faye แม้ว่าลูกชายจะไม่พร้อมแต่ทั้งคู่ก็จำเป็นต้องออกเดินทางเสียแล้ว ร่อนไปร่อนมาจนขึ้นมาถึงยอดเขาลูกหนึ่งทำให้ความจริงปรากฏว่าบริเวณป่าที่ครอบครัวอาศัยอยู่นั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยเขตอาคมเพื่อไม่ให้อันตรายย่างเข้ามาได้ แต่มันมีช่องโหว่เกิดขึ้นมาจากการตัดไม้เจ้าที่เพื่อนำมาเผาศพ Faye นั่นเอง (ไม่มีผ้าสีไม่มีน้ำแดงใครจะรู้)
ทั้งคู่ออกเดินทางไปจนถึงทางขึ้นบนภูเขาที่สูงที่สุดแต่กลับพบว่ามันถูกปกคลุมด้วยหมอกดำ (Black Breath) ที่ขวางกั้นให้พวกเขาผ่านไม่ได้ แต่ก็ด้วยความช่วยเหลือจากแม่มดคนหนึ่งที่พวกเค้าเจอในระหว่างการเดินทางที่ชี้ทางให้พวกเค้าเดินทางข้ามดินแดนเพื่อไปนำแสงแห่งเอลฟ์มา ซึ่งหลังจากได้แสงมาและนำไปผ่านทางขึ้นยอดเขาได้แล้ว ทั้งคู่ก็ได้พบกับชายลายพร้อยอีกครั้งพร้อมบริวารอีก 2 คนนาม Magni กับ Modi บุตรแห่งThor นั่นเอง และชายคนนั้นก็ไม่นิรนามอีกต่อไปแล้วด้วยชื่อ Balder บุตรแห่ง Odin โดยทั้ง 3 มีท่าทางเหมือนกำลังสอบปากคำใครสักคนอยู่ หลังจากพ่อลูกรอจนชายฉกรรจ์จากไปจึงปีนขึ้นไปบนยอดและได้พบกับ Mimir ชายผู้หยั่งรู้ที่ถูกล๊อคติดกับต้นไม้เป็นศาลตายาย ทำให้ทั้งคู่ได้รู้ว่ายอดเขานี้พวกเค้าเข้าใจผิดมาโดยตลอดและทำให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางไปยังยอดเขา Jothunhiem
แต่ถ้าเส้นทางดังกล่าวโรยด้วยกลีบกุหลาบนั้นมันคงจะไม่ใช่ God of War เป็นแน่แท้ ระหว่างทางที่จะไปยังจุดหมายทั้งคู่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายไม่ว่าจะเป็นงูเงี้ยวเขี้ยวขอ บุกป่าฝ่าดง7ย่านน้ำ แถมระหว่างทางพลังความเป็นชายของลูกก็ดันตื่นขึ้นอีกจนทำให้พ่อต้องลงไปลุยในนรกเพื่อตามหาหัวใจมาช่วยลูก (ตามหาหัวใจจริงๆนะ แต่ไม่หวานแหววขนาดนั้น) จนสุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ได้มาลงเอยบนยอดเขาพร้อมทั้งรู้ความลับบางอย่างที่ถูกซ่อนเอาไว้ด้วยเช่นกัน ยิ่งทั้งคู่เสร็จธุระกลับมาถึงที่บ้านตัวเองแล้วทิ้งตัวหลับลงบนที่นอนแล้วด้วยนั้น ยิ่งทำให้เจอฝันประหลาดสมจริง 4DX เข้าไปอีก เรียกได้ว่าหลังจากตัดต้นไทรเจ้าที่ไปก็ทำให้ชีวิตของพวกเค้าไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว (ลูกขาไม่มีที่ให้ขูดมั้ง)
มาพูดถึงระบบเกมกันบ้าง
ขอสั้นๆแบบไม่อธิบายยาวแล้วกันเพราะผู้อ่านคงจะเบื่อแล้ว หลายๆสำนักเค้าก็รีวิวระบบนี้กันไปหมดแล้ว แอดมินเลยขอให้นิยามแบบกระชับแล้วกันว่า “รื่นฤดีจารบีสีชมพู”
1.การผสมผสานท่วงท่าการต่อสู่ที่ลงตัว ระบบการวาร์ปที่อำนวยความสะดวกผู้เล่นแบบไม่เอาใจจนเกินเหตุ (วาร์ปได้ไม่เรี่ยราดจนเกินไป) การแจวเรือหรือการเดินเท้าที่มีปฏิสัมพันธ์ของตัวละครตลอดทาง รวมไปถึงความยากของมุมกล้องที่เปลี่ยนไปทำให้ผู้เล่นเดินหน้าลุยแบบภาคเก่าๆไม่ได้อีกต่อไปเนื่องจากต้องคอยระวังหลังและด้านข้างด้วย และศัตรูไม่หมูตู้เหมือนอย่างเคยอีกแล้ว (เกือบจะเป็นตระกูล Soul เลยก็ว่าได้) ท้าทายผู้เล่นกันสุดๆด้วย 4 ระดับให้เลือกสรรด้วยกันคือ หัวอ่อน, หัวอุ่น, หัวร้อน และหัวไหม้
2.ส่วนย่อยส่วนเสริม Side quest ที่ยิบย่อยจนคุ้มเกินคุ้ม (คุ้มจนขี้เกียจเก็บ) แต่ถึงแม้จะยิบย่อยก็ไม่ได้หมายความว่าให้ทำให้เสร็จไปงั้นๆ เพราะทุกส่วนย่อยดันเป็นส่วนเติมเต็มให้เนื้อเรื่องสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพราะในเนื้อเรื่องหลักจะกล่าวถึงการเดินทางไปโปรยอัฐิเมียเป็นหลัก แต่ส่วนประกอบที่เราต้องเจอตลอดทางนั้นต่างมีรายละเอียดที่ถูกซ่อนไว้ในส่วนย่อยที่ละเอียดนี้นั่นแหละ ซึ่งมันเติมเต็มความสมบูรณ์ของเรื่องราวทำให้ผู้เล่นเข้าใจสิ่งที่เป็นทั้งในอดีต ปัจจุบัน และที่กำลังจะเกิดขึ้นอนาคต (ถ้าใครยิ่งศึกษาตำนานเทพนอร์สด้วยแล้วก็จะยิ่งอินมากขึ้น)
3.นิทานของ Mimir ด้วยความที่ลูกเรายังเป็นเด็กและตอนที่แม่ยังอยู่นั้น แม่จะคอยสอนเรื่องต่างๆรวมถึงเล่านิทานของเหล่าเทพและสิ่งต่างๆตามตำนานให้ลูกชายฟัง พอลูกรู้ว่า Mimir รู้เยอะ ลูกก็เลยคอยจะถามเรื่องต่างๆให้เค้าเล่าให้ฟัง เพราะตลอดทางก่อนเจอ Mimir ถามพ่อแล้วพ่อก็ไม่เคยจะเล่าอะไรให้ฟังหรอก
4.ความเป็นมาเป็นไปของครอบครัวและความสัมพันธ์ของพ่อลูกที่ถูกพัฒนา ผูกและแก้ปมไปมาตลอดการเดินทางตั้งแต่กด Start เกมจนถึง Credit ขึ้น คุณจะได้เห็นพ่อคนหนึ่งที่รักนะแต่ไม่แสดงออก วัยว้าวุ่นในตัวลูกชายตลอดทาง (แอดมินยังแอบรำคาญ Artreus เลย จะถามไรเยอะแยะขี้เกียจแปล5555) บอกได้เลยว่าประทับใจครับ ประทับใจมากๆด้วยเพราะมันยังมีความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกด้วยให้เห็นด้วยเช่นกัน หัวอกคนเป็นลูกไม่ว่าจะหญิง ชาย หรือมิ๊กซ์แอนด์แมช คุณอาจจะเข้าใจหัวอกพ่อแม่มากขึ้นจากเกมที่อุดมไปด้วยความรุนแรงนี้ก็ได้ (ใครจะคิดว่าเกมแนวนี้มันจะให้ได้ แต่มันดันให้ได้เต็มอิ่ม)
สิริรวมคะแนน
ถ้าถามแอดมินเองก็คงให้ไม่ต่างจากสำนักอื่นมากแต่ก็ไม่ใช่ 10 เต็มเพราะมันคือ 9.5 สาเหตุที่หายไป 0.5 เพราะรายละเอียดยิบย่อยเกิ๊นนนนนนนนน จนขี้เกียจ5555555 (คือมันดีนะไม่ใช่ไม่ดีแต่อันนี้ด้วยความขี้เกียจล้วนๆเลยหักซะ 0.5 ความจริงมันก็ 10 แหละ) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรายละเอียดที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนคร่าวๆของเรื่องเพียงเท่านั้น ความเต็มอิ่มเต็มอารมณ์คงให้ใครบอกต่อไม่ได้แน่แท้ คุณเท่านั้นที่ต้องสัมผัสมันด้วยตนเองจากการยืมแผ่นเพื่อน ซื้อมือ 2 หรือซื้อราคาเต็ม แต่ระดับประกันว่าถ้าไม่ใช่คนขี้เกียจเหมือนแอดมิน คุณอาจจะอยากให้คะแนนเกิน 10 แล้วจะหาว่าไม่เตือน