
เหลือเวลาอีกไม่นานปี 2561 ก็จะผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีที่วงการเกมค่อนข้างคึกคัก มีเกมดังๆดีๆออกมาให้เล่นกันตลอดทั้งปี และเพือเป็นการกล่าวอำลาปี 2561 ไปอย่างสมบูรณ์แบบพวกเราทีมงาน Dude it’s Time ก็ขอมาแชร์ความประทับใจในเกมต่างๆที่แต่ละคนได้เล่นกันในปีนี้ ส่วนจะมีเกมอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย
Far Cry 5 (แนะนำโดย -ToNy-)
สำหรับสาย FPS อย่างผม คงไม่มีอะไรต้องพูดถึงสำหรับคนที่ติดตามเกมซีรี่ย์นี้มาตั้งแต่แรก ซึ่งจุดเด่นของ Far Cry ทุกภาคคือตัวเนื้อเรื่องซึ่ง UBISOFT ยังคงทำได้ดีเหมือนกันกับ Bug (ฮา) ในเกมที่มีมากันมากมายเหมือนเคย ด้านเกม Play ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ยังคงเหมือนภาคอื่น ๆ ของ Far Cry ที่มีการฟาร์มของเก็บโน่นนี้มารวมกันผสมเป็นของเหมือนเคย ก็อย่างที่บอกฮะ Far Cry มันมีดีที่เนื้อเรื่อง การเล่น Far Cry ที่ดีเราต้องเสพเนื้อเรื่องครับ และไล่เก็บภารกิจย่อยให้ครบ นี่แหละความสนุกของ Far Cry
Call of duty: Black ops 4 (แนะนำโดย -ToNy-)
ก็อย่างที่บอกละฮะผมเป็นคนชอบ FPS และนี่ก็คือโคตรเกม FPS อีกเกมที่มีภาคต่อกันมาอย่างยาวนาน สารภาพตรง ๆ ว่าตั้งแต่ซื้อมายังไม่ได้แตะโหมดเนื้อเรื่องเลยแม้แต่น้อย เล่นแต่ Multiplayer มาตลอด ระบบ Multiplayer ก็ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม ไม่ต้องรอห้องนาน แถมตอนนี้เพิ่มโหมด Battle Royal ตามกระแสเข้ามาอีก สำหรับคอ FPS นี่คือเกมที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
God of war (โดย DramaMidnight)
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Kratos and “The Boi” คู่ควรแก่รางวัลGame of the year ด้วยเหตุผลนานับประการไม่ว่าจะเป็นแสง สี เสียง หรือแม้กระทั่งเนื้อเรื่องที่เรียกได้ว่ายกเครื่องใหม่ด้วยตานานเทพนอร์ส(พวกธอร์ โอดิน บลาๆๆ) แต่ยังคงความหลอนราลึกอดีตเอาไว้ให้แฟนบอยหายคิดถึง ที่สาคัญมากๆและไม่อวดอ้างสรรพคุณไม่ได้เลยก็คือ การกล้าคิดกล้าทากล้ายกเครื่องระบบการเล่นมาในรูปแบบใหม่ ลูกเล่นที่ใช้กับท่วงท่าและศาสตรามาผสมผสานคอมโบนรกได้ มุมกล้องที่สร้างความเร้าใจได้มากขึ้น รวมไปถึงทายาทสืบสกุลที่แลดูฉลาดกว่าผู้พ่อ(อย่างน้อยก็อ่านออกเขียนได้ดีกว่า) ที่คอยออกคาใบ้ช่วยพ่อไขปริศนา และที่สาคัญที่สุดหากคุณคือคุณพ่อในชีวิตจริง คุณอาจจะได้มุมมองอะไรใหม่ๆและได้ยินเสียงของทายาทของคุณเองมากขึ้นก็เป็นได้
Bloodborne (โดย DramaMidnight)
งงล่ะสิว่าHunterพวกนี้มันมาเป็น2018ได้อย่างไร ตอบง่ายๆก็เพราะมันแจกฟรีในตอนต้นปียังไงล่ะ และด้วยเกมที่สามารถเกิด ตาย วนเวียนและเล่นได้เป็นอนันต์ ทั้งแสงเงาที่ให้บรรยากาศวังเวงแบบนักล่าผู้โดดเดี่ยว ระบบการเล่นแบบHit&Run (หรือถ้าเปรี้ยวก็จะHitไม่Runก็ได้) การดูเชิงที่ต้องอาศัยสกิลผู้เล่นพอสมควรตามระเบียบตระกูลSouls และความเท่ห์และขลังของบอสหลายๆตัวในเกม เสน่ห์ดังกล่าวเมื่อรวมตัวกับความยากที่ไม่เอาเปรียบผู้เล่นจนเกินไปและอย่าเข้าใจผิดว่ามันง่าย ทาให้Bloodborneถูกยกมาเป็นเกมในดวงใจประจาปี2018เช่นกันแม้จะเป็นการเอาเกมเก่ามาแจกฟรีทาง PS Plus ก็ตาม
Detroit: Become Human (แนะนำโดย Sleepless Bear)
หลังจากที่ได้รู้ว่าค่าย quantic dream เจ้าของผลงานเกม Interactive Drama อย่าง Heavy Rain และ Beyond 2 Soul กำลังจากมีผลงานใหม่ ผมก็ตั้งตาตั้งรอคอยเกมนี้อย่างจดจ่อและ Detroit: Become Human ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง ถึงแม้รูปแบบเกมเพลย์ยังทำออกมาเหมือนกับเกมเก่าไปซักหน่อย แต่การนำเสนอและการเล่าเรื่องกลับทำได้อย่างน่าติดตาม รวมการสร้างอารมณ์ร่วมให้เรารู้สึกรัก สงสาร โกรธ กลัว ไปกับตัวละครยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนดูซีรส์เรื่องหนึ่ง ที่เราอยากจะเปิดอีกตอนดูต่อไปเรื่อยๆจนจบ และจุดเด่นที่สุดของเกมก็คงเป็นทางแยกของเนื้อเรื่องที่จะนำพาเราไปสู่เหตุการณ์ที่ต่างกันไปตามการตัดสินใจของเรา ซึ่งในเกมนี้ได้เพิ่มความเป็นได้หลากหลายมากขึ้นชนิดที่ว่าหากเราตัดสินใจอีกแบบมันจะกลายเป็นหนังคนละม้วนได้เลย และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกมสามารถหยิบมาเล่นซ้ำอีกรอบได้ทันที เมื่อเล่นจบ
Marvel’s Spider-Man (แนะนำโดย Sleepless Bear)
หลังจากที่เกม Super Hero มักจะโดนข้อครหาว่าทำออกมาไม่ได้ค่อยสนุก จะมีก็แต่ Batman Arkham ซีรีส์เดียวที่ประสบความสำหรับ แต่ปีนี้การมาของ Spider-Man บน PS4 ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า Hero จากฝั่ง Marvel ก็ทำเป็นเกมดีๆได้เหมือนกัน ถึงแม้ระบบและรูปแบบการต่อสู้อาจจะดูเหมือนหยิบยกเอาข้อดีของหลายๆเกมในยุคนี้มา แต่ความประทับใจในเกมนีก็คือเราจะได้รับประสบการณ์ในการเป็น Spider-Man ทั้งการปีนป่ายตึก และการห้อยโหนใยไปบนเกาะ Manhattan ที่ทำบรรยากาศมาได้ใกล้เคียงกับของจริง (แบบที่เคยเห็นในหนังนะ ไม่เคยไปหรอก) และการออกแบบ Mission เสริมที่สนุกจนทำให้เกิดความรู้สึกแบบ ขอเล่นอีกนิดน่า ขอเล่นอีกหน่อยน่า (รู้ตัวอีกทีก็เก็บ Mission ไปเกือบ 100% แล้ว) รวมถึงเนื้อเรื่องที่ทำออกมาได่ดีไม่มีออกทะเลเพราะได้ทีมงานจาก Marvel มาช่วยดูแลด้วย จึงทำให้ Marvel’s Spider-Man เป็นเกมที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนลองหามาเล่นกัน
Red Dead Redemption 2 (แนะนำโดย Sleepless Bear)
ไม่พูดถึงคงไม่ได้สำหรับเกมเทพแห่งปีเกมนี้ Red Dead Redemption 2 คือการยกมาตราฐานใหม่ของวงการเกมในเรื่องรายละเอียดและความสมจริง ที่ทีมงานค่อนข้างใส่ใจตรงจุดนี้มาก ถึงมันจะทำให้มีความวุ่นวายในการเล่นเพิ่มขึ้นจนผู้เล่นบางกลุ่มบ่น เพราะนอกจากจะทำภารกิจหรือเที่ยวเล่นเหมือนเกมอื่นๆแล้ว คุณยังต้องกิน ต้องนอน ต้องดูแลม้า ทำอาหาร บำรุงรักษาอาวุธ รวมถึงระวังการไปทำผิดกฏหมายที่แค่การเดินชนกันก็ลุกลามจนตำรวจทั้งเมืองยกพวกมาตามล่าคุณได้ แต่ถ้าปรับตัวได้แล้วมันจะกลายเป็นความยอดเยี่ยมและเพลิดเพลินแทน นี่ยังไม่รวมพวกกิจกรรมเช่นโดมิโน่ โป๊กเกอร์ หรือการตกปลา ล่าสัตว์เพื่อมาอัพเกรดแคมป์อีกนะ ด้านเนื้อเรื่องก็ดีจนไม่รู้จะติยังไงทุกตัวละครถูกเอาใจใส่และมีบทบาทของตัวเอง การบิ้วให้ผู้เล่นอารมณ์ร่วมในเหตุการณ์ก็ทำได้ดี รวมถึงใครที่เคยเล่นภาค 1 มา ภาคนี้จะเติมเต็มคำถามที่ค้างคาใจได้อย่างสมบูรณ์ และถ้าถามว่าสำหรับผมเกมไหนคือ Game of the Year ในปีนี้ คงต้องตอบว่า Red Dead Redemption 2 นี่ละครับ
จบไปแล้วนะครับสำหรับเกมประทับใจของพวกเราในปี 2561 นี้ จริงๆยังมีเกมดีๆอีกหลายเกมแต่ด้วยข้อจำกัดต่างๆทำให้เราไม่ได้สามารถเล่นได้ครบทุกเกม (หรือบางเกมก็ยังเล่นไม่จบ) ยังไงก็หวังว่าเกมที่พวกเราแนะนำจะพอมีประโยชน์ในการตัดสินใจสำหรับคนที่ยังไม่เคยเล่นนะครับ ก่อนจากกันไปก็ขอขอบคุณผู้ทุกคนที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้นะครับ ในปีหน้าเราสัญญาจะพัฒนาและปรับปรุงเนื้อหาให้ดียิ่งขึ้นแน่นอน แล้วพบกันใหม่ปีหน้า
สวัสดีปีใหม่ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเล่นเกมครับ