อีกไม่กี่วันแล้วที่ God of War ภาคล่าสุดจะเริ่มวางจำหน่ายและเริ่มให้ทุกคนพา Kratos ไปไล่ล่าเทพต่าง ๆ อีกครั้ง วันนี้เรามีเรื่องราวของภาพในเกมมาเสนอกันครับ
God of war ภาคนี้ใช้เทคนิควิธีการสร้างฉากในเกมและฉาก Cinematic ในเกมที่เรียกว่า Single-Take Presentation คือจะไม่มีการตัดภาพเลย (คล้าย ๆ กับการใช้เทคนิค Long take ในภาพยนตร์) ตลอดทั้งเกม
แต่ยังไงก็ตาม PS4pro ที่ส่งภาพระดับ 4K ของเกมออกมานั้นกลับไม่สามารถรักษาระดับของ framerate ที่ 30 fps ได้
PS4pro มีวิธีการ rendering ภาพของ God of War 2 แบบซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกได้ แบบแรกคือ Favor Resolution ภาพในเกมจะเป็น 4K โดยใช้ Checkerboard Rendering (เทคนิคการ upscale ภาพแบบหนึ่ง) แบบที่สองคือ Favor Performance ซึ่งภาพจะออกมาเป็น 1080p
ถ้าไม่ได้ใช้ทีวี 4K แบบ Resolution จะใช้วิธี Supersampling (วิธีนี้จะ Renders เฟรมของภาพให้สูงกว่าที่จอภาพหรือทีวีของเราจะสามารถแสดงได้ ก่อนปรับลดลงมาให้พอดีกับหน้าจอหรือทีวีของเรา วิธีนี้รู้จักกันในชื่อ SSAA) เพื่อรันเกมโดยจะเพิ่มรายละเอียดเข้าไปให้มากขึ้นในทีวีที่ไม่ใช่ 4K โดยโหมด Resolution จะตั้ง Framerate ไว้ที่ 30fps ในขณะที่โหมด Performance จะปลดล็อค Framerate ไปได้ถึง 60fps (โดยโหมดนี้ต้องใช้กับ PS4pro เท่านั้นไม่งั้นภาพจะกลายเป็นสีเทา)
ซึ่งวิธีการนี้แตกต่างกับ Guerrilla Games ที่ใช้ใน Horizon Zero Dawn ซึ่งจะพูดได้ว่าเป็นการปล่อยภาพ PS4pro ที่เป็น 4K ได้ดีที่สุด ในเกมที่เล่นแบบ Open-world ทั้งสองโหมดของเกม จะถูกเซ็ทไว้ที่ 30fps
เหตุที่โหมด Performance ได้ลดระดับภาพไปที่ 1080p เนื่องจากเพื่อให้เกมสามารถส่ง framerate ที่ 30fps ได้อย่างไหลลื่น (หรือมีลดบ้างแค่เล็กน้อย) แต่ Horizon Zero Dawn นั้นแตกต่างออกไป เกมมี framerate อยู่ที่ 30 fps อย่างต่อเนื่องในโหมด Resolution ซึ่งภาพก็สามารถส่งออกมาได้ที่ 2180p โดยใช้เทคนิค Checkerboard ซึ่งทาง Guerrilla Games พัฒนาขึ้นมาเอง ดังนั้นในโหมด Performance จึงไม่คุ้มค่ากับการลดความละเอียดของภาพลง
แต่กลับกันที่ God of War การเพิ่มความละเอียดของภาพไม่คุ้มกับ Framerate ที่ต้องแลกมา โดยทางทีมงานของ Polygon ได้ลองเล่นโหมด 4K ตอนที่ได้รับเกมมาให้รีวิวแล้วพบว่าบางครั้งตัวเกมไม่สามารถคง framerate ที่ 30fps ได้ มีหลายครั้งที่ framerate ตกลงไปซึ่งส่วนมากจะเกิดตอนฉากต่อสู้และตอนเดินสำรวจใน open-world ทำให้อยากเปลี่ยนไปที่ Performance โหมดซึ่ง framerate จะคงที่กว่า แต่ที่ Performance โหมดก็ไม่ได้ล็อค framerate ไว้ที่ 60fps ตลอดเววลา แต่โดยรวมใน Performance โหมด Framerate จะมากกว่า 30fps ตลอด
นอกจากเรื่องนี้เราแทบไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างสองโหมดนี้ได้เลย
ตัวเกมจะมีภาพที่สวยและรายละเอียดครบถ้วนที่ภาพแบบ 4K ทำให้เราอยากเลือก Resolution ก่อน Performance แต่ทาง Polygon บอกว่าแม้ภาพ 2180p จะมีความละเอียดมากกว่า 1080p และมีจำนวน pixel มากกว่าถึง 4 เท่าแต่เราก็ไม่ค่อยได้ประโยชน์จากโหมด Resolution ตรงนี้เท่าไรนัก (คงหมายถึงภาพสวยแต่ framerate ตกก็คงไม่มีค่า)
แน่นอนว่าสำหรับคนที่มีทีวีระดับ 4K ก็คงอยากได้ภาพคมชัดระดับ 4K จึงอยากใช้โหมด Resolution เพื่อให้ภาพได้ระดับ 4K แต่ทาง Polygon แนะนำว่าแต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญกว่าภาพชัดคือ framerate ถ้าภาพไม่แตกต่างกันมากแต่ใช้ภาพ 4K แล้ว Framerate ตก ก็ใช้ Performance เถอะเพื่อความไหลลื่นของภาพที่มากกว่า
มาพิสูจน์ภาพกันด้วยตาตัวเองวันศุกร์ที่ 20 เมษายนนี้!!!
P.S. สามารถไปดูการเปรียบเทียบกันระหว่าง 2 โหมดได้ตามเว็บที่มา
ที่มา: https://www.polygon.com/2018/4/12/17227946/god-of-war-ps4-pro-60fps-4k-1080p
God of War in a Single Shot | PS4 (การถ่ายแบบ Single shot)