ไม่รู้ว่าจะมีใครเพ้อเจ้อเหมือนผมหรือเปล่า แต่ลึกๆแล้วผมเชื่อว่าผมไม่ใช่หนุ่มวัยทำงานคนเดียวในโลกที่เคยคิดและยังมีคิดอยู่บ้างบางเวลาว่า “อยากมีไทม์แมชชีน” เพราะในชีวิตจริงมันมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมายในแต่ละวันทั้งเกิดกับตัวเองโดยตรงและ/หรือเกิดกับคนรอบตัว ซึ่งถ้ามันเป็นเรื่องที่ดีทุกคนก็จะลัลล้าตามระเบียบ หากแต่มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายหรือแม้กระทั่งเกิดการสูญเสียก็คงไม่มีใครอยากพบเจอกับตัวเองแน่ๆ บางครั้งถ้าเราย้อนเวลากลับไปได้ “เรา” ก็ล้วนอยากแก้ไขทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นให้มันดีกว่าเดิม
Life Is Strange วางหน่ายในปี 2015 (พ.ศ.2558) ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง ตุลาคม ภายใต้เครื่องหมายการค้า Square Enix การันตีคุณภาพเองโดยมี Raoul Barbet และMichel Koch เป็นผู้กำกับ และบทอันยอดเยี่ยมถูกบรรจงทำขึ้นมาโดย Christian Divine และJean-LucCano ซึ่งตัวเกมจะถูกแบ่งออกเป็น 5 Episodes และทะยอยออกเรื่อยๆราวกับเป็นซีรี่ย์เรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้(นั่นคือสาเหตุว่าทำไมถึงมีผู้กำกับ และทีมเขียนบท)
Maxine Caulfield( Max )
นักเรียนสาวชมรมถ่ายภาพที่ค้นพบความสามารถพิเศษในการย้อนเวลาได้โดยบังเอิญ ทำให้เธอเห็นตัวเลือกต่าง ๆ ที่ทำให้เกิด **ปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีก** (butterfly effect) หลังจากรู้ล่วงหน้าว่ามีพายุกำลังจะมาถึง แม็กซ์จึงต้องหาวิธีไม่ให้พายุทำลายเมืองที่เธอรัก เกือบทุกการกระทำของผู้เล่นจะส่งผลต่อเนื้อเรื่องข้างหน้าและอนุญาตให้ผู้เล่นกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตได้หากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ถูกใจและแน่นอนว่ามันจะส่งผลเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นภารกิจเก็บของ, การถาม/ตอบคำถาม, เดินไปเดินมา หรือการทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงมาเพื่อแก้ปริศนา
**Butterfly effect**
-ในทางวิทยาศาสตร์ – นักอุตุนิยมวิทยาท่านนึงศึกษาเกี่ยวกับการแปรผันของสภาพอากาศ พยายามหาแบบรูปการเกิดโดยศึกษาผ่านการใช้คณิตศาสตร์ เค้าบอกว่าทุกอย่างบนโลกเปลี่ยนอย่างสะเปะสะปะ อย่างมีทิศทาง มีแพทเทิร์นซึ่งเรียกว่า “ทฤษฎีอลวน”และเค้าศึกษาทฤษฎีเช่นนี้โดยเก็บตัวอย่างเป็นล้านๆครั้งมาทำเป็นกราฟ และเห็นว่ากราฟมีรูปร่างคล้ายผีเสื้อ เลยตั้งชื่อทฤษฎีนี้ว่า “butterfly effect” โดยตัวทฤษฎีเองกล่าวถึงตัวแปรเล็กน้อยที่เป็นเงื่อนไขแรกของระบบที่เชื่อมโยงต่อๆกันอาจส่งผลต่อตัวแปรขนาดใหญ่ในพฤติกรรมระยะยาวของระบบได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผีเสื้อขยับปีกหนึ่งครั้งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะส่งผลให้เกิดพายุทอร์นาโดเท่ากับว่าการขยับของปีกผีเสื้อ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในเงื่อนไขของระบบนิเวศแต่ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ที่นำไปสู่ปรากฏการณ์ขนาดใหญ่ได้ (ทีมเขียนบทและผู้กำกับจึงนำทฤษฏีนี้มาเล่นโดยนำพายุลูกใหญ่มาแจมในเกมด้วย)
-ในทางความเชื่อ – มหาตะมะ คานธี กล่าวว่า “ถ้าตัวเรายังไม่เปลี่ยน สังคมจะเปลี่ยนได้อย่างไร” ซึ่งบ่อยครั้งที่เรามักให้ความสำคัญกับการทำมากได้มากหรือสิ่งใหญ่ๆที่มีผลกระทบกว้าง การคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีที่สุด มากที่สุดจนมองข้ามการให้ความสำคัญกับสิ่งเล็กๆน้อยๆที่อาจกลายเป็นตัวแปรของผลกระทบที่กว้างกว่าก็เป็นได้ (ภายในตัวเกมเองก็ได้ซ่อนการทดสอบทฤษฏีนี้ไว้ให้ผู้เล่นได้ทดสอบตัวเองเช่นกัน และซ่อนได้อย่างแยบยลมาก)
Gameplay
ตัวเกมดำเนินเรื่องในแนว Telltales หรือ story Teller คือตัวเกมจะเล่าเรื่องราวของตัวละครและรอบข้างไปเรื่อยๆ โดยเราสามารถมีส่วนร่วมกำหนดเหตุการณ์ได้จากการกระทำบางอย่างและการตอบคำถามบางข้อ และเกมยังเปิดโอกาสให้เราได้แก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นได้อีกด้วย เพื่อทำให้ปัจจุบันที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเราต้องการถ้าหากคุณคิดว่ามันง่ายแล้วล่ะก็ คุณคงยังไม่เคยลองสัมผัสชีวิตของ Max ตัวละครเอกของเรื่องแน่นอน
Lights & Sounds
หนึ่งในจุดขายของเกมนี้นั้นหนีไม่พ้นเพลงประกอบเกมที่แจ่มโบ๊ะโจ๊ะพรึมๆชวนให้เข้าถึงอารมณ์ในทุกสถานการณ์ต้องยกความดีความชอบให้กับ Jonathan Morali ไปเลย ไม่เชื่อลองไปหามาเล่นกันดูสิครับใส่หูฟังป้องกันเสียงรบกวนด้วยนะนี่คือคำแนะนำจากผม
เนื้อเรื่อง
เริ่มเรื่องด้วยตัวเอก Max (Maxine Caulfield) พบว่าตัวเองนั้นอยู่ท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนองในฝัน และงงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในขณะที่กำลังเดินไปหาที่ปลอดภัยนั้น Max ได้เห็นทอนาโดลูกใหญ่มากกกำลังพุ่งมาที่เมือง!!! เธอตื่นขึ้นมาในชั้นเรียนของเธอโดยอาจารย์ก็กำลังสอนอยู่ (ผมรู้คุณก็เป็น55555) ในชั้นเรียนถ่ายภาพ (Max
ชื่นชอบการถ่ายภาพ โดยเฉพาะกล้องโพรารอยด์) จนจบคาบเรียน Max ก็เดินไปเข้าห้องน้ำตามประสาสาวใสวัยทีน จู่ๆก็มีผีเสื้อสีน้ำเงินบินมาในห้องน้ำซะอย่างงั้น ด้วยความชอบถ่ายรูปเธอจึงจัดสักภาพเก็บไว้เป็นที่ระทึกทันใดนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผู้ชายคนนึงเข้ามาในห้องน้ำ(หญิง) และมีผู้หญิงผมสีฟ้าเดินตามมา
ซึ่งทั้งคู่ก็เริ่มทะเลาะกันจนกระทั่ง ฝ่ายชายเกิดพลั้งมือยิงฝ่ายหญิง แต่แล้วก็เหมือนเวลารอบตัวของ Maxหยุดลงแล้วย้อนกลับ Max เลยพบว่าเธอสามารถย้อนเวลาได้!!! เหตุการณ์ต่อจากนั้น Max จะใช้ชีวิตของเธออย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง Episodes 1-5 มีคำตอบให้คุณได้ค้นหากันต่อไป
สรุปรวบยอด
ก่อนจะเล่นผมอยากให้ทุกคนลองนึกดูครับว่า ตอนเด็กๆเราดูการ์ตูนเรื่อง “โดเรม่อน” หุ่นแมวสีฟ้าตัวนั้นมีของวิเศษเยอะแยะรวมไปถึงเครื่องท่องกาลเวลาด้วย หรือแม้กระทั่งฮีโร่ในอเวนเจอร์อย่างหมอแปลก Dr. Strange ก็มีพลังของ Time Stone ในการย้อนเวลาหรือดูเวลาในอนาคตได้เช่นกัน แต่ในชีวิตจริงเราทำได้เพียงแค่ภาวนาหรือพร่ำบ่นกับตัวเองว่า “รู้งี้” “ถ้าตอนนั้นนะ…” หรือแม้กระทั่ง “ไม่น่าเลย” ยิ่งถ้าหากใครที่เคยผ่านการสูญเสียคนสำคัญแบบผมแล้ว เชื่อผมเถอะว่าถ้ามีคนมาขายเครื่องย้อนเวลาให้กับคุณไม่ว่าราคาเท่าไหร่ก็ตาม คุณคงพร้อมหาวิถีทางทุกอย่างเพื่อหาเงินจ่ายและรับมันมา ในตอนแรกที่ผมได้เริ่มเล่นเกมนี้ในบทบาทของ Max ผมสนุกมากกับการได้ใช้พลังที่ผมเคยต้องการมัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปแต่ละ Episode ผู้กำกับและทีมเขียนบทก็จะเริ่มสอนคุณโดยที่คุณนั่นแหละเป็นคนที่ได้รู้ด้วยตัวเองในท้ายที่สุด ในวันนี้แทนที่คุณจะเสียดายกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น คุณสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าหรือยัง ? สังคมที่เต็มไปด้วยการ Bully คุณคือเหยื่อ ผู้กระทำ หรือผู้ชม? ทุกคำตอบที่คุณตอบไม่ใช่เพียงแค่ตอบในเกมธรรมดาทั่วไป แต่ผู้กำกับกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง และคำถามที่ผมจะถามคุณก็คือ “คุณรู้หรือไม่ว่าผู้กำกับต้องการบอกอะไรกับคุณ?”
Life Is Strange คือเกมกวาดรางวัลที่ไม่ใช่เพียงแค่เกมธรรมดา แต่มันคือ “Life” หรือชีวิตที่สมควรได้ 9/10 จากผม ที่ต้องหัก 1 คะแนนเพราะศัพท์แสลงที่บางจุดทำให้ปวดหัวเกินไปนิดนึง แต่ถึงกระนั้นใน 1 ชีวิตของคุณ คุณเป็นหรือไม่เป็น Maxine Caulfield? คุณยอมหรือไม่ยอมให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นกับคุณ? ลองสิครับนี่เป็นอีก1เกมที่ Dude It’s Time ยืดอกยกขึ้นหิ้งเพชรเอาไว้ตลอดกาล…..