
เรียกว่าปิดท้ายไปได้อย่างฮือฮาเลยทีเดียว สำหรับซีรีส์ลำดับที่ 3 ในจักรวาล Marvel Cinematic Universe อย่าง Loki ที่เล่าเรื่องราวของเทพสุดแสบแห่งแอสการ์ดหลังจาก Avengers:Endgame ซึ่งเนื้อหาของเรื่องดูจะสร้างความวุ่นวายและสับสนแแก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการเล่นกับเส้นเวลา(Timeline)ตั้งแต่เริ่มเรื่อง และเมื่อไปถึงตอนสุดท้ายก็ยิ่งสร้างความโกลาหลและค้างคาหนักขึ้นกว่าเดิม วันนี้พวกเรา Dude it’s Time เลยขออาสามาอธิบายและขยายความเหตุการณ์ในซีรี่ส์เรื่องนี้กันถ้าใครพร้อมแล้ว ตามมากันเลย!!
คำเตือน! มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ
ซีรีส์เริ่มต้นที่ตัว โลกิในปี 2012 หลังจากที่กลุ่ม Avengers ย้อนเวลามาจากเหตุการณ์ใน Endgame(ปี 2023) เพื่อมาเอา TESSERACT (Space Stone) กลับไปแก้ไขอนาคตของพวกเขา แต่แล้วแผนการก็เกิดผิดพลาดขึ้น ทำให้ Loki ได้ฉวยโอกาสขโมย TESSERACT และวาร์ปหนีการถูกจับกุมไป

รายละเอียดในส่วนนี้สามารถอ่านที่ได้ อธิบายทฤษฎีเวลาใน Avenger : Endgame
บทนำ Loki (แบบคร่าวๆ)
หลังจากที่หนีมาสำเร็จแล้วนั้นชีวิตของ โลกิ กลับไม่สวยหรูอย่างที่คิด เพราะเขาถูกหน่วยพิทักษ์กาลเวลา Time Variance Authority (TVA) จับกุมตัวไปเนื่องจากเขาฝ่าฝืนชะตากรรมของตัวเองที่จะต้องถูกจับไปขังที่แอสการ์ด ซึ่ง TVA ได้บอกว่าพวกเขาต้องปกติเส้นเวลาศักดิสิทธิ์ ให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น เพราะหากมีอะไรผิดไปจะทำให้เส้นเวลาแตกแขนงไป และเกิดความวุ่นวายขึ้น ซึ่งโลกิที่หนีจาก Avengers มาได้ ก็คือตัวแปรที่จะทำให้เส้นเวลาเกิดการแตกแยก จึงต้องถูกลบทิ้ง

แต่โชคยังดีที่โมเบียส หนึ่งในเจ้าหน้าที่ TVA มองเห็นประโยชน์บางอย่างจาก โลกิ จึงได้ดึงตัวเขามาช่วยงานในการตามล่าหาตัวแปรสุดร้ายกาจที่เที่ยวป่วนช่วงเวลาต่างๆไปทั่ว ซึ่งตัวแปรที่ว่าก็คือ โลกิ จากอีกช่วงเวลาหนึ่งนั่นเอง และด้วยความช่วยเหลือจากเทพเจ้าเลห์นี้ ไม่นาน TVA ก็ตามหาโลกิอีกคนหนึ่งจนพบแต่ทุกอย่างดูผิดแปลก เพราะเธอโลกิในร่างผู้หญิง และไม่ยินยอมที่จะถูกเรียกว่าโลกิ แต่บอกว่าเธอชื่อ ซิลวี่ และก็ด้วยความสุดแสบของเทพแห่งการหลอกลวง เมื่อโลกิทั้ง 2 ได้เผชิญหน้ากันแผนการทำลาย TVA และการผจญภัยที่แสนจะวุ่นวายปนน่ารักจึงเริ่มต้นขึ้น

ทั้งนี้ เราขอข้ามรายละเอียดในส่วนของเนื้อเรื่องช่วงนี้ไป เพราะประเด็นสำคัญอยู่ที่ ตอนที่ 5 และ 6 ของซีรี่ส์…
เมื่อโลกิถูก TVA เผาทิ้ง เขาไม่ได้สลายไปตามที่ถูกขู่ไว้ แต่ถูกส่งมาที่ The Void สถานที่ที่เป็นจุดสิ้นสุดของเวลา และเขาก็ต้องประหลาดในเมื่อได้เจอกับเหล่า โลกิ จากหลายช่วงเวลา ทั้งตอนแก่ ตอนเด็ก ผิวดำ และยังมีโลกิในเวอร์ชั่นต่างๆอีกมากมายไม่เว้นแม้แต่เป็นจระเข้ ซึ่งทั้งหมดล้วนถูก TVA ส่งมาเนื่องจากมีความผิดเพี้ยนไปจากเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ (เนื้อเรื่องหลักของ MCU ที่เคยมีมา) เหตุผลก็เพื่อรักษาความเป็นไปได้ให้มีเพียงแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่ง ซิลวี่ เองก็ประสบชะตากรรมนี้ ทั้งๆที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรเพียงแค่เกิดมาเป็นผู้หญิงเท่านั้น
ตามปกติผู้ที่ถูกส่งมาใน The Void นั้นมักจะเอาชีวิตรอดไปได้ไม่นานก็จะถูก Alioth ปีศาจที่เฝ้า The Void อยู่จับกินและสลายไป แต่โลกินั้นเอาตัวรอดได้เสมอ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมที่นี่ถึงมีแต่โลกิอยู่กันเต็มไปหมด

มี Eater Egg ที่บ่งบอกว่าแม้แต่ธานอสที่ว่าแน่ๆ ก็ยังไม่รอดไปจากที่นี่เหมือนกัน

แต่แล้วด้วยการร่วมมือกันของเหล่าโลกิทั้งหลาย ก็ทำให้โลกิตัวเอกและซิลวี่สามารถฝ่า Alioth ที่เฝ้าทางออกของ The Void ไปได้ โดยพวกเขาก็ไดพบกับป้อมปราการแห่งเวลา ซึ่งภายในนั้นผู้ที่รออยู่ก็คือ He Who Remains หรือซับภาษาไทยแปลไว้ว่า “ชายผู้คงอยู่” ผู้ที่เป็นเบื้องหลังทั้งหมดของ TVA และการควบคุมเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ เขารู้ทุกเหตุการที่จะเกิดขึ้นในจักรวาล อีกทั้งยังรู้ถึงการมาของโลกิ และซิลวี่ด้วย
He Who Remains เล่าว่าเขาตัวเขาในจักรวาลหนึ่ง เป็นนักวิทยศาสตร์ในศตวรรษที่ 31 ซึ่งได้ค้นพบการเดินทางข้ามจักรวาลคู่ขนาน เขาได้พบกับตัวเองในอีก Timeline หนึ่ง และได้แลกเปลี่ยนความรู้วิทยาการกันจนมีความเจริญก้าวหน้าอย่างมาก แต่แล้วเขาก็พบว่าไม่ใช่ตัวเองในทุกเวอร์ชั่นจะเป็นคนดี บางตัวตนของเขาคือวายร้ายสุดขั้ว ที่ต้องการยึดครองจักรวาลอื่น จึงเกิดการสู้รบและความโกลาหลขึ้นในมิติเวลา จนในที่สุดตัวเขาที่เราได้เห็นนั้นคือผู้ที่สามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ และคอยปกป้องเส้นเวลาศักดิสิทธิ์เอาไว้ให้มีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น โดยได้ตั้ง TVA ขึ้นเพื่อกำจัดตัวแปรที่จะทำให้เส้นเวลาขยายออกไปอีกครั้ง

แต่ตอนนี้เขารู้สึกพอแล้วกับการมีชีวิตอยู่มาเป็นล้านๆชาติ จึงเสนอทางเลือกให้แก่โลกิกับซิลวี่ ว่าจะเป็นผู้ควบคุมเวลาแทนเขาและรักษาความสงบอย่างที่เป็นมา หรือจะฆ่าเขาและปลดปล่อยเจตจำนงค์เสรี ให้เส้นเวลาแตกขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งหากเลือกแบบหลังก็จะได้พบกับตัวเขาในหลายรูปแบบ รวมถึงตัวที่เป็นวายร้ายแบบที่คาดไม่ถึงด้วย!
ซึ่งพอมาถึงจุดนี้ He Who Remains ได้บอกว่าเขามาถึงจุดสุดท้ายที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้ว หลังจากนี้คือเรื่องราวใหม่ที่แม้แต่ตัวเองก็คาดเดาไม่ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของโลกิทั้ง 2 คน
โลกิและซิลวี่เกิดความเห็นที่ไม่ตรงกัน เพราะซิลวี่อยากฆ่า He Who Remains ให้จบไปเพราะการที่เธอต้องถูก TVA พาตัวมาตั้งแต่ยังเด็ก และต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆจนโตนั้นเป็นแผลใจและความแค้นที่ไม่มีอะไรจะทดแทนได้ อีกทั้งยังคิดว่า He Who Remains อาจจะกำลังโกหกอยู่ก็ได้ ส่วนโลกิรู้สึกกังวลกับสิ่งจะเกิดขึ้นหากปลิดชีวิต “ชายผู้คงอยู่” ไปแล้ว
แต่แล้วก็เป็นโลกิที่พลาดท่าถูกซิลวี่ส่งข้ามมิติกลับมาที่ TVA จากนั้นเธอก็ได้ปลิดชีพ He Who Remains ผู้ที่นั่งยอมรับการตัดสินใจโดยไม่ขัดขืนอะไร นอกจากพูดว่า “I’ll see you soon” และเส้นเวลาก็เริ่มแตกแขนงออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ด้านโลกิก็ได้พบว่าที่นี่ไม่ใช่ TVA ใน Timeline ที่เขาเคยมาเพราะนอกจากโมเบียสจะไม่รู้จักเขาแล้ว ในสำนักงานตั้งสง่าด้วยรูปปั้นของ He Who Remains ที่สวมชุดของ Kang the Conqueror วายร้ายคนต่อไปที่จะมาเขย่าจักรวาล MCU ใน phase 4
ซึ่งตัว Kang the Conqueror ก็คือเวอร์ชั่นหนึ่งของ He Who Remains ตามที่เขาเคยเตือนไว้ว่าหากเส้นเวลาแตกแขนงไปจะมีตัวเขาในเวอร์ชั่นที่โหดร้ายเกิดขึ้นมาแน่นอน

ทั้งนี้ เคยมีการเปิดเผยไปแล้วว่าใน Ant-Man and the Wasp:Quantumania จะมีตัวละคร Kang the Conqueror ซึ่งแสดงโดย Jonathan Majors อยู่ในเรื่องด้วย ก็ถือว่าเป็นเซอร์ไพร์สเล็กๆ ที่เขาได้มาเปิดตัวเป็น He Who Remains ก่อนใน Loki Season 1 นี้
และสุดท้าย…โลกิจะกลับมาอีกครั้งใน ซีซัน 2
